กาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่ทำมาจากเมล็ดซึ่งได้จากต้นกาแฟ หรือที่มักเรียกว่า เมล็ดกาแฟคั่ว ในปัจจุบันมีการปลูกกาแฟมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก กาแฟเขียว ซึ่งเป็นกาแฟที่ไม่ผ่านการคั่วก็เป็นอีกหนึ่งสินค้าทางการเกษตรที่มีการซื้อขายกันมากที่สุดในโลก และในปัจจุบันกาแฟได้กลายเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดด้วย
สำหรับสายพันธุ์หลักของกาแฟที่ปลูกกันทั่วไปจะมีอยู่ด้วยกัน 2 สายพันธุ์ ได้แก่ กาแฟอาราบิก้า (Coffee arabica) และ กาแฟโรบัสต้า (Coffee canephora) โดยกาแฟอาราบิก้าจะเป็นกาแฟที่ได้รับความนิยมในการดื่มมากกว่ากาแฟโรบัสต้า เนื่องจากกาแฟโรบัสต้ามีรสชาติที่ขมกว่าและให้รสชาติได้น้อยกว่ากาแฟอาราบิก้า ด้วยเหตุผลนี้ กาแฟที่เพาะปลูกกันเป็นจำนวนมากกว่า 3 ใน 4 ของโลก จึงเป็นกาแฟอาราบิก้า
แต่อย่างไรก็ตามกาแฟโรบัสต้าก็ยังสามารถพิสูจน์ได้ว่า ก่อให้เกิดโรคได้น้อยกว่ากาแฟอาราบิก้า อีกทั้งยังสามารถปลูกได้ในสภาพแวดล้อมที่กาแฟอาราบิก้าไม่สามารถเจริญเติบโตได้ ดังนั้นในธุรกิจกาแฟจึงมักจะใช้กาแฟโรบัสต้ามาทดแทนกาแฟอาราบิก้า เพราะมีราคาถูกกว่า
นอกเหนือจากกาแฟทั้งสองสายพันธุ์หลักนี้แล้วก็ยังมีกาแฟพันธุ์ Coffea liberica และ Coffea esliaca อีกด้วย โดยที่เชื่อว่าเป็นพืชท้องถิ่นของประเทศไลบีเรียและทางตอนใต้ของประเทศซูดานตามลำดับ
สรรพคุณของกาแฟต่อร่างกาย
- มีงานวิจัยหลายงานที่ระบุว่า เมล็ดกาแฟมีสารกาเฟอีนที่มีฤทธิ์กระตุ้นหัวใจและกระตุ้นประสาทส่วนกลาง การดื่มกาแฟจึงช่วยกระตุ้นระบบประสาท ทำให้ตาแข็ง นอนไม่หลับ ทำให้ร่างกายสดชื่น ขจัดความเซื่องซึมและอ่อนล้าได้
- ปริมาณกาเฟอีนในกาแฟที่เหมาะสมสามารถช่วยลดอาการหงุดหงิด อารมณ์ซึมเศร้า รวมถึงความเครียดได้ การดื่มกาแฟจึงทำให้ผู้ดื่มรู้สึกพึงพอใจและมีความสุข
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์Arabica-Robusta โดยมีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเซาท์ฟลอริดา ที่เปิดเผยว่าผู้ที่มีอายุล่วงเข้าสู่วัยกลางคน ควรดื่มกาแฟวันละ 4-5 แก้ว เพื่อช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมน GCSF เนื่องจากฮอร์โมนชนิดนี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้
- เป็นที่เชื่อกันว่ากาแฟมีสรรพคุณที่ช่วยชูกำลังได้
- ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ กาเฟอีนในกาแฟมีฤทธิ์ขยายหลอดเลือด จึงช่วยระงับอาการปวดได้เช่นเดียวกับยาแก้ปวด อีกทั้งกาแฟยังช่วยละลายไขมันในเส้นเลือด บรรเทาอาการปวดศีรษะเนื่องจากการเมาสุรา อาการปวดศีรษะเนื่องจากเส้นประสาท รวมถึงอาการปวดศีรษะข้างเดียวหรือไมเกรน
- กาเฟอีนสามารถช่วยขยายหลอดเลือดแดงที่หล่อเลี้ยงหัวใจได้ จึงทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจได้มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็มีฤทธิ์ทำให้เส้นเลือดแดงบริเวณศีรษะหดตัว ซึ่งก็ช่วยลดอาการปวดศีรษะจากไมเกรนได้อีกด้วย
- ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ยืนยันได้ว่า การดื่มกาแฟวันละ 2-5 แก้ว สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งในช่องปาก มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งตับได้ เนื่องจากกาเฟอีนจะไปช่วยยับยั้งการเกิดเซลล์ผิดปกติ และกำจัดสารพิษที่ร่างกายได้รับออกไปได้ในระดับหนึ่ง
- ผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำจะมีโอกาสรอดพ้นจากโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ถึง 50% เนื่องจากกาแฟมีกาเฟอีนที่มีคุณสมบัติในการยับยั้ง hIAPP และโพลีเปปไทด์ ที่เป็นตัวการก่อให้เกิดโปรตีนผิดปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเบาหวานชนิดที่ 2
- เมล็ดกาแฟ มีสรรพคุณช่วยลดน้ำระดับตาลในเลือดได้ โดยการใช้เมล็ดที่คั่วแล้ว นำมาชงกับน้ำร้อน เป็นเครื่องดื่มยามว่าง
- กาแฟมีสรรพคุณช่วยบำรุงหัวใจ และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ
- กาแฟมีนิโคติน แต่ไม่ใช่ชนิดเดียวกันกับที่พบได้ในบุหรี่ แต่เป็นวิตามินบีรวมชนิดหนึ่งที่ร่างกายต้องการ ซึ่งสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้ การดื่มกาแฟจึงช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดแข็งตัว
- กาเฟอีนสามารถช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้พลังงานของร่างกาย ทำให้ไขมันเกิดการสลายตัวมากขึ้น การดื่มกาแฟจึงอาจช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนักได้ อีกทั้งกาเฟอีนและสารอื่น ๆ ที่มีอยู่ในกาแฟยังช่วยกระตุ้นการหลั่งของกรดและน้ำย่อย จึงช่วยในการย่อยอาหาร
- การดื่มกาแฟหลังอาหาร สามารถช่วยละลายไขมัน ทำให้ไขมันเกิดการแตกตัว และให้พลังงานทดแทนได้ อีกทั้งกาแฟยังมีประโยชน์ต่อกระเพาะโดยตรง โดยจะช่วยทำให้น้ำย่อยที่กระเพาะและตับอ่อนมีเพิ่มขึ้น จึงทำให้ไขมันถูกเผาผลาญ การดื่มกาแฟจึงมีส่วนในการช่วยลดความอ้วนได้
- ช่วยเพิ่มไขมันดี (HDL) ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จากผลการวิจัยพบว่า ผู้ที่ดื่มกาแฟบ่อย ๆ จะมีไขมันชนิดดีเพิ่มขึ้น ซึ่งไขมันชนิดนี้จะเป็นตัวช่วยขับไล่คอเลสเตอรอล และช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว
- การดื่มกาแฟสามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคหอบ ช่วยบรรเทาอาการหอบหืด แก้หอบหอบหืดได้ เพราะกาแฟมีสารกาเฟอีนที่ช่วยระงับอาการตึงเครียดของประสาทสัมผัสสำรอง จึงช่วยลดการเกิดโรคหอบได้
- ดร.ดาร์ซี โรแบร์โตลิมา ผู้เชี่ยวชาญด้านเภสัชวิทยาของมหาวิทยาลัยรีโอ เดจาเนโร ได้เปิดเผยว่า ผู้ที่มีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศอันเนื่องมาจากการดื่มสุรา จากภาวะซึมเศร้า จากอายุขัย หรือจากการเสพยา สามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละวัน
- มีงานวิจัยที่ได้พิสูจน์แล้วว่า กาแฟมีประโยชน์ในการช่วยป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี
- ช่วยลดการเกิดโรคตับจากสุรา จากสำรวจพบว่ากาแฟสามารถช่วยลดผลร้ายที่มีต่อตับได้
- กาแฟมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ โดยมีข้อมูลที่ระบุว่า การดื่มกาแฟประมาณ 5 ถ้วยครึ่ง (ประมาณ 550 มิลลิกรัม) จะไม่ออกฤทธิ์ในการขับปัสสาวะแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตาม กาเฟอีนยังมีฤทธิ์เป็นยาขับปัสสาวะได้หากดื่มเกินครั้งละ 575 มิลลิกรัม หรือประมาณ 6 ถ้วย ดังนั้นในขณะออกกำลังกายหรือหลังออกกำลังกาย จึงไม่ควรดื่มกาแฟในปริมาณมาก เพราะจะทำให้ร่างกายขาดน้ำได้
- การดื่มกาแฟวันละ 2 แก้ว อาจช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกายได้ถึง 58% จึงทำให้ยาแก้ปวดหลายประเภทนั้นมีส่วนผสมของกาเฟอีนอยู่ด้วย 65 มิลลิกรัม (เช่น aspirin, ibuprofen เป็นต้น) นอกจากนี้กาเฟอีนยังสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ถึง 40%
- ช่วยลดโอกาสเป็นโรคเกาต์ สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคเกาต์ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป แนะนำให้ดื่มกาแฟวันละ 3-6 แก้วอย่างต่อเนื่อง เพราะจากผลการวิจัยของสถาบันการแพทย์แห่งหนึ่ง ที่ได้ยืนยันว่า กาเฟอีนมีส่วนช่วยบรรเทาอาการอักเสบของข้ออันเนื่องมาจากกรดยูริกที่เกินขนาดอย่างได้ผล โดยผู้ที่ดื่มกาแฟวันละ 6 แก้ว จะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคเกาต์ได้ถึง 60%
- จากการศึกษาของ University of Bari ที่ประเทศอิตาลี พบว่าการดื่มกาแฟวันละ 1-2 แก้ว จะช่วยป้องกันโรคหนังตากระตุกได้ และช่วยลดอัตราการกระตุกให้ช้าลงได้ในผู้ป่วย
ข้อมูลจาก medthai
สรรพคุณกาแฟต่อผิว
-
ชะลอการเสื่อมโทรมของเซลล์ผิวไม่ให้แก่ก่อนวัย
ในเมล็ดกาแฟนั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีส่วนสำคัญในการช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำลายโดยมลภาวะต่างๆ ซึ่งเป็นตัวการของริ้วรอยเหี่ยวย่น แก่ก่อนวัย แต่ปัญหานี้ก็รับมือได้ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในเมล็ดกาแฟ ซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้หน้าใส ยับยั้งรอยเหี่ยวย่น ช่วยให้เซลล์ผิวแข็งแรงขึ้น และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่มีการนำส่วนผสมของเมล็ดกาแฟมาใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้ากันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน
-
ลดอาการบวมอักเสบของผิวหนัง
คาเฟอีนในกาแฟมีคุณสมบัติสำคัญในการลดการอักเสบ กระตุ้นการหดตัวของเส้นเลือด ช่วยในเรื่องระบบไหลเวียนโลหิตใต้ผิว ลดอาการบวม รอยแดง และรอยหมองคล้ำบนผิวหนังได้อย่างดีเยี่ยม
-
ช่วยฟื้นฟูผิวจากการถูกแสงแดดทำลาย
มีผลการวิจัยระบุว่าสารต้านอนุมูลอิสระในเมล็ดกาแฟนั้น มีส่วนช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวจากการถูกรังสียูวีในแสงแดดทำลาย ซึ่งเป็นการช่วยลดริ้วรอยต่างๆ และ ลดปัญหาฝ้า กระ จากแสงแดดได้อีกต่างหาก
-
กระชับรูขุมขน
สรรพคุณสุดเจ๋งของกาแฟอีกตัวหนึ่งนั่นก็คือ ประสิทธิภาพในการกระชับรูขุมขน ช่วยให้ผิวหนุ่มๆ เรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ก็เพราะคาเฟอีนในกาแฟ จะไปกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ช่วยให้ผิวหนุ่มๆ ดูเปล่งปลั่งและยืดหยุ่นขึ้น
-
ช่วยลดเซลลูไลท์ได้ด้วยนะ
คาเฟอีนในเมล็ดกาแฟมีคุณสมบัติช่วยลดการสะสมของเหลวใต้ผิวหนัง ช่วยกระตุ้นการแตกตัวของเซลล์ไขมัน ดึงน้ำส่วนเกินออกจากผิวหนัง ทำให้ผิวส่วนที่มีปัญหาเซลลูไลท์ดูเรียบเนียนและกระชับขึ้น
-
ช่วยลดรอยบวมคล้ำใต้ตา
ปัญหาถุงใต้ตาบวมช้ำ ซึ่งอาจเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ การแพ้สารต่างๆ หรือแม้แต่พันธุกรรม คาเฟอีนในเมล็ดกาแฟช่วยคุณบรรเทาได้ ด้วยสรรพคุณลดการบวมอักเสบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ลดการสะสมของเลือดบริเวณถุงใต้ตา ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้ครีมบำรุงผิวรอบดวงตาส่วนใหญ่ จึงมีส่วนผสมของคาเฟอีนรวมอยู่ด้วย
-
ช่วยดีท็อกซ์สารพิษ เผยหน้าใสกิ๊ง
คาเฟอีนในกาแฟยังมีส่วนช่วยในการล้างสารพิษที่สะสมอยู่ใต้ผิว ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเหลวในร่างกาย ซึ่งเมื่อสารพิษถูกขับออกจากร่างกายแล้ว ผิวของคุณก็จะดูกระจ่างใส เรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
เห็นถึงประโยชน์ของเมล็ดกาแฟต่อผิวกันไปแล้ว คอกาแฟคงได้ข้ออ้างดีๆ มาสนับสนุนการดื่มกาแฟทุกเช้ากันแล้วล่ะซิ ส่วนใครที่ไม่ชอบดื่มกาแฟก็ไม่ต้องน้อยใจกันไป เพราะคุณก็สามารถมีสุขภาพผิวที่ดีได้ ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากเมล็ดกาแฟ รับรองว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีไม่ต่างกันอย่างแน่นอน
ข้อมูลจาก https://www.sanook.com/men/8583/